ดีเอสไอลุยสอบตลาดนำเข้ารถหรู'เกรย์ มาร์เก็ต'

14 มี.ค. 2012 bangkokbiznews ดีเอสไอลุยสอบตลาดนำเข้ารถหรู "เกรย์ มาร์เก็ต" พบพิรุธทำเอกสารเท็จ อำพรางการขายเปลี่ยนมือ ก่อนสำแดงราคาต่ำกว่าท้องตลาด นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวการตรวจสอบคดีหลบเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์ว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ประสานให้ดีเอสไอตรวจสอบพฤติการณ์หลบเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์หรู ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์หรู หลายยี่ห้อ มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า ทำให้รัฐสูญเสียรายได้มูลค่าหลายล้านบาท โดยอาศัยช่องว่างของกฎหมายในการนำเข้ารถด้วยการหลีกเลี่ยงภาษีหลายรูปแบบ เช่น 1.กรณีสำแดงรายการส่วนประกอบของรถยนต์ (OPTIONS) ไม่ครบ หรือรถที่มีรายการส่วนประกอบคุณภาพสูงแต่กลับสำแดงว่าเป็นรถรุ่นธรรมดา ทำให้เสียภาษีศุลกากรต่ำกว่าความเป็นจริง 2.กรณีการสำแดงราคารถยนต์ที่นำเข้าจากต่างประเทศต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งเป็นวิธีที่ที่ผู้ประกอบการเลี่ยงภาษีรถยนต์หรูในตลาดเกรย์ มาร์เก็ต (Gray Market) นิยมกรณีนี้ที่สุด กรณีออกใบเสร็จรับเงินหรือลงบัญชีต่ำกว่าราคาขายจริง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบการยื่นเสียภาษีสรรพากร และ 3.กรณีการจดทะเบียนรถยนต์ที่นำชิ้นส่วนเข้ามาจดประกอบว่ามีการเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พิจารณาต่อไป "การหลบเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์ถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะสร้างความเสียหายต่อภาษีของรัฐจำนวนมาก เนื่องจากรถที่นำเข้าด้วยวิธีเลี่ยงภาษีมักเป็นรถหรูที่มีราคาแพง มีอัตราภาษีที่ต้องเสียหากมีการนำเข้าตั้งแต่ 187-328 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ช่องโหว่ที่ทำให้ปัญหามีทั้งขั้นตอนการตรวจสอบที่เปิดช่องให้ผู้ประกอบการสำแดงการเสียภาษีและรับรองเอกสารด้วยตัวเอง ดังนั้นผู้ประกอบการเหล่านี้จึงมักสำแดงรถที่มีอุปกรณ์ประกอบของรถยนต์ระดับคุณภาพดีเป็นแบบคุณภาพธรรมดา และแจ้งราคาต่ำกว่าราคาจริง เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์เลี่ยงภาษีในตลาดเกรย์ มาร์เก็ต มีกว่า 30 บริษัท โดยมีลักษณะการเปิดเป็นโชว์รูมอย่างเปิดเผย แต่มักจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทอยู่ตลอด" นายธาริต กล่าวอีกว่า จากข้อมูลพบว่าในแต่ละเดือนมีการนำเข้ารถหรูจำนวนมาก เช่น ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาเพียง 1 เดือน เฉพาะรถยี่ห้อเบนซ์ มีการนำเข้ามามากถึง 300 คัน และยังนำเข้ารถจดประกอบอีก 166 คัน เบื้องต้นดีเอสไอจะมุ่งเอาผิดกับผู้ประกอบการที่เจตนาหลบเลี่ยงภาษี สำแดงราคาอันเป็นเท็จ และต้องฝากเตือนไปยังผู้ซื้อให้เลิกพฤติกรรม เพราะอาจถูกดำเนินคดีฐานสมรู้ร่วมคิด ด้านพ.ต.อ.ญาณพล กล่าวว่า จากการประเมินพบมีภาษีต้องเรียกคืนรัฐจำนวนมากถึงหลักพันล้านบาท แต่เบื้องต้นตรวจสอบพบต้องเรียกเก็บภาษีเพิ่มแล้ว 43 ล้านบาท ผู้ประกอบการลักษณะนี้จะอาศัยช่องว่างของกฎหมายนำเข้ามาหลายช่องทางเช่น การสวมสิทธินักเรียนไทยในต่างประเทศ ซึ่งบางครั้งพบว่ารถซื้อโดยไม่ได้นำมาใช้งานจริง แต่มีการรอให้ครบกำหนดเวลาที่ต้องครอบครองให้ครบ 1 ปี 6 เดือน จึงจะสามารถนำกลับมาใช้ในประเทศไทยได้ ซึ่งนักศึกษาที่ถูกอ้างชื่อเป็นเจ้าของรถจากการตรวจสอบบางรายไม่น่าจะมีรายได้มากพอซื้อรถราคาแพง "วิธีการที่แพร่หลายในการซื้อรถยนต์เกรย์ มาร์เก็ต ผู้ซื้อจะเข้าไปเลือกซื้อรถยนต์รุ่นที่ประกาศในเวปไซต์ จากนั้นผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในต่างประเทศ จะรับเป็นนายหน้าจัดซื้อรถยนต์จากชาวต่างชาติและขอให้เซ็นเอกสารย้อนหลัง เพื่ออำพรางให้เห็นว่าครอบครองรถยนต์มานานกว่า 1 ปี 6 เดือน ต่อจากนั้นอำพรางให้เห็นว่า มีการขายเปลี่ยนมือรถยนต์อีกหลายครั้ง รถหรูบางคันเพิ่งถูกซื้อไม่เกิน 15 วัน ในราคา 16 ล้านบาท แต่มีการทำเอกสารขายเปลี่ยนมือไปมา และสำแดงราคานำเข้ามาในประเทศไทยแค่ 2 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งวิธีการของเกรย์มาร์เก็ตเป็นที่นิยมแพร่หลาย สามารถเสนอขายรถยนต์หรู Maybach ราคานำเข้าถูกต้องขายคันละ 90 ล้านบาท แต่เกรย์มาร์เก็ตขายเพียง 20 ล้านบาท" พ.ต.อ.ญาณพล กล่าว

ตลาดรถเกรย์มาร์เก็ตรุ่งลุยภูมิภาต

ตลาดรถหรูหัวเมืองใหญ่บูม ค่ายเกรย์มาร์เก็ตสบช่องลุยเปิดสาขาใหม่ อีตั้น ทุ่ม 10 ล้านสาขาขอนแก่น หวังรองรับลูกค้าอีสาน-ลาว พร้อมอัดเม็ดเงินการตลาด 20 ล้านเน้นโรดโชว์ มั่นใจสิ้นปีกวาดเป้า 900 คัน ด้าน ทีเอสแอล ล่องใต้เปิดสาขาภูเก็ตอย่างเป็นทางการ ตั้งเป้าปี 55 ยอดขายโต 960 คัน


นางอัจฉรีย์ ตันติยันกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และการตลาด บริษัท อีตั้น อิมปอร์ท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ใช้งบประมาณ 10 ล้านในการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ ที่จังหวัดขอนแก่น โดยได้ทำการทดลองเปิดให้บริการตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง สำหรับโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ถือเป็นศูนย์แบบครบวงจร โดยมีพื้นที่ในการจอดโชว์รถใหม่จำนวน 6 - 8 คัน และรองรับบริการหลังการขาย 10 ช่องซ่อม ส่วนรุ่นรถที่เน้นทำการตลาดคือรถกลุ่มยุโรป อาทิ เบนซ์ เพราะลูกค้ามีความต้องการสูง ด้านรถญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นรถกลุ่มเอ็มพีวี อาทิ อัลพาร์ด ซึ่งสัดส่วนเป้าหมายยอดขายรถทั้ง 2 กลุ่มคาดว่ายุโรปจะมีประมาณ 80% และญี่ปุ่น 20% "การเข้าไปรุกในตลาดภาคอีสานในครั้งนี้ เพราะว่ามีการศึกษาว่ากลุ่มลูกค้ามีเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่มีเกรย์มาร์เก็ตที่มีคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการเข้าไปทำตลาด ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะไปเปิดที่นั่น ประกอบกับกลุ่มลูกค้าในจังหวัดใกล้ๆรวมไปถึงลาว ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันยอดขายของสาขานี้ให้เติบโตเหนือกว่าสาขาอื่นๆที่อยู่ตามจังหวัดต่างๆของอีตั้น" นางอัจฉรีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันอีตั้นมีโชว์รูมและศูนย์บริการ 5 แห่งได้แก่ ศรีนครินทร์ ,สาทร ,รัชดาฯ ,ขอนแก่น และเชียงใหม่ ตามแผนงานในปีนี้จะไม่มีการขยายสาขาเพิ่ม แต่จะมีการเน้นไปที่การบริการหลังการขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งศูนย์บริการที่สำนักงานใหญ่ศรีนครินทร์ ที่ได้มีการก่อสร้างบนพื้นที่ 1.5 ไร่ภายใต้คอนเซ็ปต์ ETON EXCELLENCE SERVICE ที่สามารถรองรับลูกค้าได้ 40 คันต่อวัน หรือกว่า 1,000 คันต่อเดือน นอกจากนั้นแล้วยังมีช่องทางพิเศษสำหรับการให้บริการตรวจเช็กระยะ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที ลูกค้าก็สามารถรับรถกลับได้ทันที ขณะที่เครื่องไม้เครื่องมือที่จะดูแลรถเฉพาะรุ่นก็มีพร้อม อาทิ PIWIS II เฉพาะ PORSCHE ,MB STAR สำหรับเบนซ์ และ ISID ของ MINI ด้านนายพีรศุษม์ ตันติยันกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีตั้น อิมปอร์ท จำกัด กล่าวว่า นอกจากแผนงานด้านช่องทางการขาย และศูนย์บริการแล้ว ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้จะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆประมาณ 4 -5 รุ่น อาทิ New Alphard / New Vellfire / Mini Coupe / Porsche Carera S 911 และ Land Cruiser ZX 200 ขณะที่เป้าหมายยอดขายในปี 2555 ตั้งไว้ที่ 900 คัน เติบโตจากปีที่ผ่านมา 12% โดยในปี 2554 มียอดขาย 801 คัน แบ่งเป็นประเภทของรถต่างๆได้ดังนี้คือ MPV 54 % SUV 18% SEDAN 18% และรถสปอร์ต 7 % "ผลประกอบการในปีที่แล้ว เรายอมรับว่าไม่เป็นไปตามเป้าหมายเพราะโดนผลกระทบจากภัยธรรมชาติถึง 2 ครั้ง คือ สึนามิที่ญี่ปุ่นและน้ำท่วมใหญ่ในไทย ทำให้ยอดขายลดลง โดยทำได้ 801 คันลดลงจากปี 2553 ที่ทำได้ 934 คัน " นางอัจฉรีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของนโยบายทางการตลาด ปีนี้จะใช้งบประมาณเทียบเคียงกับปีที่ผ่านมาคือ 20 ล้านบาท โดยจะเน้นหนักไปที่การทำโรดโชว์ในพื้นที่กรุงเทพฯและตามภูมิภาคต่างๆเพื่อเป็นการเข้าหากลุ่มลูกค้าโดยตรง นอกจากนั้นแล้วก็จะมีการนำเสนอแคมเปญทางการตลาดออกมาต่อเนื่อง อาทิ ลูกค้าที่ซื้อรถตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2555 สามารถจับสลากลุ้นรับรางวัลทองคำทันทีมูลค่ารวมกว่า 18 บาท หรือ Crystal Coat Package บริการ-ขัดเคลือบสีรถด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ หรือ รับประกันสินค้า 2 ปี ระยะทาง 40,000 กม. หรือบัตรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี

นอกจากค่ายอีตั้นที่เข้าไปขยายฐานในจังหวัดขอนแก่นแล้ว ในภาคใต้อย่างภูเก็ตก็มีเกรย์มาร์เก็ตรายใหญ่จากกรุงเทพฯเข้าไปเปิดสาขา ได้แก่ ทีเอสแอล ที่เข้าไปตั้งโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรแห่งที่ 4 บนพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตรโดยได้ทำการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา นางสาวสุรีย์ภรณ์ อุดมผลวณิช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2555 จะมีรถรุ่นใหม่หลายรุ่นเข้ามาทำตลาด รวมไปถึงมีการวางงบประมาณทางการตลาดกว่า 50 ล้านบาท และจะเน้นหนักไปที่การทำโรดโชว์-เข้างานคาร์โชว์ รวมไปถึงมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าผู้ถือบัตรมิราเคิลการ์ด ขณะที่เป้าหมายยอดขายในปีนี้ คาดว่าหากไม่มีเหตุการณ์หรือปัจจัยลบเข้ามากระทบ จะอยู่ที่ประมาณ 960 คัน และสัดส่วนยอดขายหลักยังมาจากรถยุโรป 70% และรถญี่ปุ่น 30% ทั้งนี้เป็นผลมาจากค่าเงินในฝั่งยุโรปที่อ่อนตัวทำให้ราคารถที่นำมาจำหน่ายมีความได้เปรียบ ขณะที่เงินเยนของญี่ปุ่นนั้นแข็งค่า ประกอบกับรถรุ่นใหม่ๆจากฝั่งญี่ปุ่นมีน้อยกว่า จึงทำให้สัดส่วนยอดขายรถในปี 2555 มาจากรถยุโรปมากกว่า

โดยฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,716   23-25  กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555